Blog

INSIDE STORY OF 9 SATRA

INSIDE STORY OF 9 SATRA

Nat Yoswatananont had an interview with Akibatan as a director of 9 Satra.

เจาะลึกเบื้องหลังกับ ณัฐ ยศวัฒนานนท์ ผู้กำกับและเขียนบท 9 ศาสตรา อนิเมชั่นมันส์สุดติ่งสายเลือดไทย

สวัสดีผู้อ่านทุกท่าน เชื่อว่าหลาย ๆ คน คงได้เห็นตัวอย่างของ แอนิเมชันสายเลือดไทยเรื่อง “9 ศาสตรา” กันมาบ้างแล้ว ชอบกันหรือเปล่า? และเพื่อให้เราได้รู้จักกับแอนิเมชันเรื่องนี้กันมากขึ้น ทาง Akibatan ของเราก็ได้เข้าไปบุกถึง IGLOO STUDIO ทีมสร้างที่อยู่เบื้องหลังของแอนิเมชันเรื่องนี้ เพื่อพูดคุยกับพี่ ณัฐ ยศวัฒนานนท์  ผู้เริ่มต้นโปรเจกต์แอนิเมชันสุดเจ๋งเรื่องนี้กันจ้า

สวัสดีครับ รบกวนพี่แนะนำตัวให้เพื่อนๆ ผู้อ่านรู้จักทีนะครับ

ณัฐ ยศวัฒนานนท์ครับ จบจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยเปิดบริษัทสถาปนิกมาก่อนและได้มาเปิด IGLOO STUDIO ในเวลาต่อมา

มี passion อะไรถึงได้เลือกเดินทางมาทางสายนี้ครับ

พี่โตมาด้วยการ์ตูน ทั้งอ่าน ทั้งดู ช่องเก้าบ้าง ช่องสามบ้าง ซื้อการ์ตูนมาอ่านเล่มแรกตอน ป. 2 เป็นคนที่ชอบทางนี้มาก แต่ที่บ้านไม่ค่อยสนับสนุนเท่าไร พ่อพี่จบวิศวะมาก็เลยพยายามผลักดันให้ลูก ๆ มาทางสายเขา นั่นก็คือสายวิทย์ ตอนพี่จะเข้ามหาลัยก็ได้เจอคณะสถาปัตย์ เป็นคณะที่พี่รู้สึกว่าเป็นการเอาศาสตร์และศิลป์มาผสมกัน มีความสมดุลทั้งด้านวิชาการและศิลปะ เลยคิดว่าเหมาะกับตัวเอง ก็เลยพยายามที่จะเข้าคณะนี้ให้ได้

เมื่อจบมาพี่ก็ยังไม่ทิ้งความชอบในการ์ตูนยังคอยซื้อมาเสพอยู่เสมอ เป็นสถาปนิกที่ติดการ์ตูนเลยก็ว่าได้ แล้วก็มีจังหวะนึงในชีวิตที่ได้จับพลัดจับผลูมาเปิดบริษัทสถาปนิกกับเพื่อน และทำงานสถาปนิกแบบเข้มข้น

ผ่านมาพักใหญ่ ๆ พี่เหว่ง เพื่อนพี่ก็ถามพี่ว่า “เรากลับไปทำสิ่งที่เราฝันกันไหม” คืองานที่ทำตอนนั้นจะเป็นงานเชิง service และรับงานตามสั่ง ซึ่งไอเดียหลัก ๆ มาจากเจ้าของงานซะส่วนใหญ่ เราเคยฝันอยากจะทำ product ที่มันเป็นของเราเอง ใครเห็นก็รู้ว่าเป็นของเรา ก็เลยลองออกแบบคาแรคเตอร์ และเอาไปทำให้ขยับได้ เอาลงในเว็บไซต์ให้เป็นที่รู้จัก หลังจากนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางสายแอนิเมชันของพี่

พี่ได้ทำคลิปแอนิเมชันสั้น ๆ ชื่อว่า The Salads ได้รับรางวัลชนะเลิศจาก SIPA และได้ไปแข่งประกวดในหลายๆ ประเทศด้วย หนังสั้น The Salads ทำให้เราได้งบในการทำ Ttv series เรื่องแรกมา ผู้ให้ทุนก็คือ DEX และ Byte In the CUP ที่เรารู้จักกันมากจากการที่พี่ไปออกแบบห้องประชุมให้เขา (ฮา) เวลาได้เจอกันบางครั้งก็ได้เอาคาแรคเตอร์ของพี่ให้เขาดูเรื่อยๆ และได้รับคำแนะนำต่าง ๆ มากมาย และได้เข้าไปคุยเพื่อทำโปรเจกต์ TV series อย่างจริงตังในเวลาต่อมา และได้เกิดเป็นบริษัท IGLOO นั่นเอง

IGLOO STUDIO นี่เป็นสตูดิโอแอนิเมชันแบบไหนเหรอครับ

เราเปิดบริษัทมาด้วยโปรเจกต์ของตัวเอง มองว่าตัวเองเป็น creative studio ที่มี product เป็นของตัวเอง และคงความเป็นไทยเอาไว้ ความเป็นไทยที่ว่าคือ ความเป็นไทยในแบบที่ไม่มีใครเห็นมาก่อน บางทีเราก็ซ่อนความเป็นไทยไว้ในเลเยอร์ลึก ๆ ของเรื่อง บางทีมองเผิน ๆ ก็ไม่รู้ว่า เออเป็นฝีมือคนไทย แต่ข้างในก็มีกลิ่นอายของความเป็นไทยซ่อนอยู่

9 ศาสตรา พี่เป็นผู้กำกับ คนเขียนบท และ art director เป็นโปรเจกต์ที่เห็นความเป็นไทยค่อนข้างเยอะ เราเอาเส้นไทยดั้งเดิมมาทำเป็นลายเส้นใหม่ที่เข้ากับยุคสมัย ทีมงานของเราได้อิทธิพลมาจากความชอบในแอนิเมชันญี่ปุ่นและฝั่งตะวันตกก็จริง แต่เราคิดว่าศิลปะวัฒนธรรมความเป็นไทยของเรามันต้องไม่ตาย มันต้องมีการเติบโต มันต้องมีชีวิต เราก็เลยตีความใหม่ออกมาให้เห็นใน 9 ศาสตรานั่นเอง

IGLOO STUDIO มีทีมงานอยู่เท่าไรเหรอครับ

เรามีทีมงาน artist อยู่ประมาณเกือบ 70 ชีวิตครับ เวลามีโปรเจกต์ใหญ่ ๆ คนที่นี่ส่วนใหญ่ก็มีวัยเด็กมาจากสายการ์ตูน มีความชื่นชอบทางนี้มาตั้งแต่เด็ก ซึ่งสมัยนี้พวกเขามีช่องทางในการเสพสิ่งเหล่านี้ ทำให้เขามี passion ในสายการ์ตูนพอสมควรและเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่สอนเกียวกับการทำแอนิเมชันโดยตรง

ที่มาของชื่อ IGLOO STUDIO มาจากไหนเหรอครับ

ที่มาของชื่อบริษัทนั้น ตอนที่พี่เริ่มทำงานสายแอนิเมชันใหม่ ๆ ก็มีทีมงานอยู่ประมาณ 8 – 9 คน ในห้องเล็ก ๆ แล้วแอร์มันเย็นมาก เลยเรียกตัวเองว่าเป็นชาวเอสกิโมที่อาศัยอยู่ใน IGLOO (บ้านของชาวเอสกิโม) ซะเลย จริง ๆ ก็มีอีกความหมาย คือความเป็นสถาปัตยกรรมที่ถูกคิดค้นมาจากคนกลุ่มนี้ด้วย

สไตล์ของ IGLOO STUDIO เป็นอย่างไรครับ

จริงๆ ก็ไม่มีสไตล์ของตัวเองนะ งานของเราไม่มีสไตล์ชัดเจนแบบ Ghibli ที่ใครเห็นก็รู้ว่าเป็น Ghibli เหตุผลของพี่คือ ทุกโปรเจกต์เป็นโปรเจกต์ทีมึโจทย์ต่างกันออกไป เราอยากแสดงให้เห็นว่าเรามีความสนุกและท้าทายในงานแต่ละชิ้น ให้ภาพที่ออกมามีสไตล์เหมาะสมกับคอนเซปต์งานที่จะทำ แต่ก็มีพื้นฐานไอเดียต่าง ๆ ที่เป็นของเราอยู่เสมอ

ถ้ามีน้อง ๆ สนใจอยากจะร่วมงานกับ IGLOO STUDIO ต้องทำอย่างไร

ถ้ามีน้องๆ อยากจะร่วมงานกับเรา อันดับแรกต้องส่ง portfolio มาให้เราดูก่อนเลย พอร์ทนั้นจะบอกถึง passion ของคุณว่าเราสนใจในแนวไหน และมีความพยายามกับมันขนาดไหน เราก็จะพิจารณาว่าคุณเหมาะไปอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมกับตัวคุณ เราค่อนข้างซีเรียสเรื่องเกรดโดยเฉพาะวิชาที่เกี่ยวกับสายแอนิเมชัน เพราะเกรดมันจะบอกได้ว่า คุณมีความใส่ใจกับงาน และฝ่าฟันกับตัวงานที่ได้รับมอบหมายแค่ไหน

เป้าหมายในอนาคตของ IGLOO STUDIO คืออะไร

IGLOO ของเราก็จะคอยพัฒนาตัวเองไปพร้อมกับโปรเจกต์ใหม่เรื่อย ๆ พี่อยากให้งานของ IGLOO สามารถ เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจของเด็ก ๆ ไทย ทำให้เด็กไทยภูมิใจในแอนิเมชันไทย พี่โตมากับแอนิเมชันญี่ปุ่นและหลงไหลตลอดมา แต่พี่ก็จะไม่ลืมรากเหง้าของเรา ความเป็นตัวเรา ที่ทำให้เราถูกจดจำและยืนในพื้นที่สากลได้ พี่อยากให้น้อง ๆ ที่ชื่นชนวัฒนธรรมชาติอื่น ภูมิในที่ตัวเองเป็นคนไทยด้วย อยากให้อีกหน่อยชาวต่างชาติถึงกับมาคอสเพลย์ตามผลงานของไทย  IGLOO STUDIO ของเราอยากเป็นหนึ่งในสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจเหล่านี้

มุมมองของพี่กับวางการแอนิเมชันไทย

พี่เชื่อว่าหลาย ๆ สตูดิโอกำลังสร้างโปรเจกต์ที่ดี ไม่ว่าจะทำให้กับสตูดิโอต่างชาติใหญ่ ๆ หรือของตัวเอง เชื่อว่าในอีกสองสามปีข้างหน้า จะมีงานของไทยที่เจ๋ง ๆ มากมาย จะมีงานที่ทำให้วงการแอนิเมชันไทยเจ๋งจนต่างชาติยอมรับและเป็นที่กล่าวถึงมากมาย ไม่ใช่แค่เป็นตูดิโอในการผลิตงานคุณภาพให้เขา แต่เป็นงาน creative ที่ทำให้คนรู้จักฝีมือคนไทยมากขึ้น

มีอะไรจะบอกกับเหล่า artist ที่กำลังหาแรงบันดาลใจในทางสายนี้บ้าง

สื่งที่สำคัญที่สุดคือ passion และความเชื่ออันแรงกล้าที่จะคอยพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นอยู่เสมอ มันเป็นสิ่งที่จะคอยพลักดันตัวเองให้กับเรา และต้องคอยหาโอกาสให้ตัวเองอยู่เสมอ คอยรับฟังผู้อื่น ปรับปรุงตัวเอง และสร้างวินัยให้กับตัวเองอยู่เสมอ เราถึงเรียกตัวเองว่าเป็นมืออาชีพที่แท้จริงได้

INSIDE STORY OF 9 SATRA 1

อยากให้พูดถึงคอนเซปต์เรื่อง 9 ศาสตราซักหน่อย

เรื่องนี้เป็นหนังที่เกิดขึ้นมาจากทางผู้ให้ทุนที่บอกว่าอยากให้ทำหนังเกี่ยวกับมวยไทย ซึ่งพี่ก็อยากใส่ความชอบของพี่และทีมงานลงไปในภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างเต็มที่ ช่วงนั้นกีฬา MMA กำลังฮิตด้วย นักกีฬาส่วนใหญ่มักจะฝึกมวยไทยเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ทำให้น่าเป็นที่ยอมรับในตลาดสากลพอสมควร

พี่ไม่อยากทำหนังที่เน้นไปที่หลักการของมวยไทยแบบเข้มข้นเกินไป อยากทำหนังมวยที่เราคิดว่าได้กลิ่นได้บรรยากาศ เหมาะสมกับทุกวัย reference ที่นำมา ก็มาจาก One Piece, Naruto และ UP เลยได้คอนเซปต์ออกมาเป็นหนังแนว  action-adventure เล่าถึงการเดินทางของตัวละครที่หลากหลาย ได้เห็น character development ระหว่างการเดินทาง

เราอยากได้คาแรคเตอร์ที่หลากหลายไม่ได้มีแต่มนุษย์ ก็ได้ลองมองไปดูในวรรณคดีไทยพบว่ามีการพูดถึงลิงและยักษ์มากพอสมควร ยักษ์นี่ก็มีหลายแบบ ยักษ์ระดับสูงจะมีรูปโฉมสวยงามเหมือนเทวดาเพียงจะมีผิวที่เป็นสีเข้ม ตัวร้ายในเรื่องก็ได้ออกแบบมาจากหลักการนั้น

ข้อมูลต่าง ๆ ในเรื่องก็มามากขึ้นเรื่อย ๆ แทรกด้วยวัฒนธรรมที่ชาวเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ นั่นคือความเชื่อและศรัทธาที่แรงกล้า ในเรื่องจะพูดถึง ความเชื่อและมิตรภาพระหว่างตัวละคร จึงเป็นแกนหลักของเรื่องนี้

คิดว่าเรื่องนี้ต่างจากแอนิเมชันไทยในเรื่องอื่น ๆ ที่ผ่านมาอย่างไร

คิดว่าเราได้ทำในหมวดที่คนอื่นเขาไม่ค่อยทำ action fantasy adventure ที่มาจากความชอบของเราล้วนๆ เราโตมากับสิ่งเหล่านี้มันอยู่ในสายเลือด อีกทั้งมวยไทยก็เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับคนไทยมาตลอด การที่ได้เอามาทำเป็นแอนิเมชันก็เป็นการทำให้จินตนาการของเราไปได้ไกล และน่าจะสามารถเข้าตลาดอื่น ๆ ได้ด้วยความไม่เหมือนใคร พี่เชื่อว่าน่าจะมีคนกลุ่มนึงที่น่าจะกระหายอยากดูเรื่องแบบนี้ในไทย

ในช่วงแรกเราก็ทำออกมาค่อนข้างรุนแรง แต่ก็มีการปรับให้มีความรุนแรงน้อยลง ไม่มีเลือด และตัดบางฉากออกไปให้เบาขึ้น เบาพอที่ให้คนทุกวัยดูได้อย่างสนุกสนาน ถ้าเราทำเป็นแอนิเมชันที่คนสู้กับคนอาจจะมีปัญหา พอมีการต่อสู้กับสิ่งที่ไม่ใช่คนก็เลยง่ายขึ้น ฉากหลายๆ อย่างก็มีการเลี่ยงมุมให้มีความอิมแพค แต่ไม่ดูรุนแรงเกินไป

จะมีเวอร์ชัน Director’s Cut ไหมครับ

จริง ๆ เราวางแพลนเรื่องนี้ไว้ยาวมาก แต่เนื่องจากโดนตัดไปหลายอย่างเพราะเวลาฉาย ก็เลยทำออกมาเป็น comic จำนวน 9 ตอน ซึ่งจะมีเนื้อเรื่องที่ไม่ให้ปรากฏอยู่ในหนัง ให้ทุกคนได้อ่าน ได้รู้จักกับ 9 ศาสตรามากขึ้น ผ่านการ์ตูนที่เราได้ปล่อยออกมาให้อ่านกันในเว็บ Ookbee อยากให้ทุกคนได้ลองไปอ่านกันก่อนจะดูหนังเรื่องนี้นะครับ

เรื่องนี้มีการหาข้อมูลอย่างไรบ้างครับ

ตลอดการทำเรื่องนี้มีการหาข้อมูลเข้ามาเพิ่มอยู่เรื่อย ๆ เริ่มมาก็อยากให้เป็นยุคระหว่างสงคราม ไทย-พม่า อยุธยาตอนปลายที่เสียกรุง แต่พี่อยากเล่าหนังให้เป็นแฟนตาซี ไม่ใช่ประวัติศาสตร์ ยุคนี้มันไม่มีพรมแดน เราเป็นประเทศพี่น้องกัน เลยไม่อยากก่อให้เกิดประเด็น ก็เลยเอา inspiration ของเหตุการณ์นั้นมาทำเป็น เหตุการณ์ที่ยักษ์ยึดเมืองมนุษย์ เราเก็บรายละเอียดกันหนักมาก ได้พาทีมงานไปชมพิพิธภัณฑ์ ภาพจากหนังสือมากมาย ไปจนถึงลายผ้าเลย

ดินแดนที่เป็นศูนย์กลางของเรื่อง “รามเทพนคร” เป็นการดึงมาจากชื่อเต็มของกรุงศรีอยุธยา ที่มีความว่ารามเทพนครอยู่ ดินแดนของพระเอกก็มีต้นแบบมาจากชนเผ่ามอแกน ที่อาศัยอยู่ในหมู่เกาะทางภาคใต้ บ้านที่อยู่อาศัยในเรื่องก็อิงจากบ้านของชนเผ่านี้ เราก็อยากใส่อะไรที่คนไม่เคยเห็นมาก่อน อาวุธสำคัญ ๆ ทุกชิ้น ยานพาหนะต่าง ๆ ก็มีชื่อมีประวัติทั้งหมด

แกนเรื่องหลักของ 9 ศาสตราเป็นอย่างไรครับ

เป็นเรื่องของการเดินทางของชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่เป็นคนไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ต้องมีการเดินทางเพื่อทำภารกิจที่ไม่มีใครเชื่อว่าจะทำสำเร็จ ให้สำเร็จ โดยมีศรัทธาอันแรงกล้าเป็นสิ่งที่คอยขับเคลื่อนเขาและเพื่อน ๆ เพื่อฝ่ายมนุษย์ที่โดนกดขี่โดยเผ่ายักษา

พระเอกของเราชื่อ “อ๊อด” เป็นชื่อไทยที่ดูธรรมดา ชื่อที่ฟังทั่วไปแล้วมันไม่ได้เกิดมาดูเพรียบพร้อมหรือเป็นคนพิเศษ เป็นชื่อที่คนมักมองข้าม ไม่คิดว่าจะเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ได้ ความเท่มันไม่ได้มาจากชื่อ หรือจากชะตาลิขิต มันมาจากสิ่งที่เราทำ nobody ในที่สุดก็เป็น someone ได้

“อ๊อด” เป็นตัวแทนของคนไทยสมัยโบราณ ที่แสดงออกถึงความเชื่อและความมุ่งมั่นในการทำอะไรสักอย่างให้สำเร็จ เป็นตัวละครที่ไม่ค่อยประสีประสากับทางโลก เขาอยู่ในหมู่เกาะทางใต้ห่างไกลคน เป็นคนที่ใสสะอาด ตามคนไม่ค่อยทัน ไม่รู้ถึงความโหดร้ายที่เผ่ายักษาทำกับมนุษย์  และจะค่อย ๆ พัฒนาตัวเองไปตามเหตุการณ์ต่าง ๆ ในเรื่อง

นางเอก “เสี่ยวหลาน” เป็นคนที่ตรงข้ามกับอ๊อดอย่างสิ้นเชิง  เธอโตมาท่ามกลางผู้ชายที่มีความถ่อยมาแต่เด็ก เธอเกิดมาก็มีตำแหน่งสูง จึงได้เรียนรู้การควบคุมคนอื่นและมีความเป็นผู้นำ รู้จักใช้เล่ห์เหลี่ยมหรือยั่วยวน ในการโน้มน้าวต่อรองให้ได้สิ่งที่ต้องการ ซึงมีความตรงข้ามกับพระเอกที่เป็นคนซื่ออย่างสุดขั้ว

นอกจากบุคลิกที่ตรงข้าม สองคนนี้จะเป็นคนที่สร้างความสมดุลให้แก่กัน โดยเฉพาะในการต่อสู้ พระเอกของเราจะใช้ร่างกายมวยไทยเป็นอาวุธ จู่โจมศัตรูในระยะประชิด นางเอกจะเน้นใช้อาวุธคอยสนับสนุนอยู่ในระยะไกล ในทางกลับกันเวลาเสี่ยวหลานมีภัย อ๊อดก็จะเข้ามาสนับสนุนเธอได้ในทันที

วาตะ เจ้าลิง เป็นองค์ชายผู้ซึ่งรอดชีวิตมาจากการรุกรานอันโหดร้ายของเผ่ายักษา เขาได้อยู่คนเดียวมาโดยตลอด มีความเกลียดแค้นในยักษา แต่ก็ได้มาเจอกับอสูรสีชาด ที่เป็นตัวแทนของยักษ์ฝ่ายดี

คนดูจะได้เรียนรู้ว่าเผ่ายักษ์นั้น มีทั้งกลุ่มที่ดีและไม่ดี และอสูรสีชาดมีความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงบางอย่างให้กับเผ่ายักษาให้ไปในทางดี

ด้านนิสัย วาตะจะใจร้อน ดูบ๊อง ๆ พูดไม่คิด อสูรสีชาดจะพูดน้อย แต่มีความฉลาดในคำพูด ในการต่อสู้ วาตะ จะมีความว่องไว อสรูสีชาดจะเน้นความหนักหน่วงและมีพลัง

เทหะยักษา ตัวร้ายของเรื่อง พี่ตั้งใจทำให้เป็นตัวร้ายที่มีสเนห์เหมือนที่เราชอบ Darth Vader เป็นตัวร้ายที่คนชอบได้และอยากเอาใจช่วย เป็นตัวร้ายที่คนดูเข้าใจในเหตุผลว่าทำไมถึงเป็นตัวร้ายแบบนี้ มีความเหี้ยมโหดแข็งกร้าวแต่ไม่ทำให้คนเกลียด และอาจจะเอาใจช่วยอยู่ลึก ๆ

เทหะยักษามีควาทรงจำที่ไม่ดีกับมนุษย์มาก่อน เขาจึงต้องมีความเผด็จการที่เด็ดขาด เพื่อปกครองเผ่ายักษาในทางที่ดีที่สุดตามหลักความเชื่อของตน  ต้องใช้ความเด็ดขาดและพละกำลังในการปกครองเผ่ายักษาที่มีความดุร้ายก้าวร้าว

ในการออกแบบเทหะยักษา ไม่ใช่ออกแบบแค่ตัวละคร แต่ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องจะถูกสะท้อนออกแบบมาให้เข้ากับอำนาจและบารมี  ไม่ว่าจะเป็นกองทัพหรือสถาานที่ที่อยู่ก็ตาม อยากให้ลองไปดูในเรื่องมาก ๆ และจะเข้าใจ

อาวุธ 9 ศาสตรา คืออะไร

จากการสำรวจข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับมวยไทยเราก็อยากให้มีอาวุธที่สามารถเสริมผสาน การต่อสู้ด้วยมวยไทยได้ 9 ศาสตราเป็นอาวุธเหล็กไหลมีชีวิต จะตัดสินผู้ใช้ ที่จะเปล่งอานุภาพได้มากที่สุดเมื่อมีศรัทธาอันแรงกล้า ในช่วงเริ่มต้นก่อนที่จะถูกนำมาใช้ เหล่าคนดูหรือพระเอกจะไม่เข้าใจว่าสิ่งนี้คืออะไร และเกิดความสงสัยว่าจะนำไปใช้แก้สถานการณ์ได้จริงเหรอ

ทำไมถึงมีตัวละครจากจีนอยู่ในเรื่อง จะเป็นตลาดจีนไหม

ไม่เชิง เรื่องนั้นก็ส่วนนึง จริง ๆ ตัวนางเอกที่ออกแบบไว้ตอนแรกเป็นลูกครึ่งไทย-ฮอลันดา เรือนางเอกก็จะเป็นเรือแบบตะวันตก เป็นคาแรคเตอร์แบบที่พระเอกไม่เคยเจอมาก่อน มีความแตกต่างและสนใจ แต่สิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจจริง ๆ  คือชนชาติจีนมีอิธิพลในไทยมานานมากอยู่แล้ว จริง ๆ ในประวัติศาสตร์ก็เคยมีกองเรือเจิ้งเหอ (Zheng He) ที่เดินทางจากจีนไปแอฟริกา เพื่อนำยีราฟไปถวายจักรพรรดิจีน (ตามความเชื่อว่าเป็นมังกร) คนจีนพวกนี้ก็มีการพักเรืออยู่ที่ไทยและตั้งรกราก ซึ่งกองเรืองนี้เป็นเรื่องที่มีจริงอยู่แล้ว เลยนำมาเป็นแรงบันดาลใจของกองเรืองโจรสลัดคุณธรรมจีนที่คอยปล้นสะดมยักษ์นั่นเอง

หลังจากหนังฉาย พี่อยากให้เป็นอย่างไร

อยากให้ยอดขายถล่มทลาย เพราะเราลงทุนไปสองร้อยกว่าล้านบาท ทีมงานของเราได้ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างสุดฝีมืกับเรื่องนี้ ดูแล้วรู้สึกคุ้มค่า ไม่อยากให้เกิดความรู้สึกว่าจ่ายเงินเท่านี้ดูแอนิเมชันเมืองนอกดีกว่าและก็หวังว่าฉายแล้วจะไม่โดนเรื่อง piracy นะ

จะมีของเล่นออกมาขายไหม

เดี๋ยวรอดูกันครับ นอกจากของเล่นเราจะมีอย่างอื่นออกมาด้วย คอยติดตามดูละกันนะ

หลาย ๆ คนบอกว่าทำไมต้องเป็นแนวไทย ๆ อีกแล้ว พี่คิดว่าอย่างไรครับ

พี่เฉย ๆ นะ คนที่พูดอาจจะมีประสบการณ์ที่เจอในสิ่งไม่ดี อาจจะมาจากความไม่ได้เชื่อในความเป็นไทย มีอคติ จากการที่เจอความเป็นไทยที่มันไม่เวิร์ค  พี่ยกตัวอย่างอนิเมะญี่ปุ่น ทำไมเราเห็นคนเป็นนินจา เป็นซามูไร ใส่กิโมโนฉลองปีใหม่ดูพลุ มันก็มาจากวัฒนธรรมต่างๆ ที่เขาใส่มาทั้งนั้น พี่ว่าคนที่พูดรักใน culture ของเขา ดังนั้นเราจึงต้องทำให้เรื่องนี้สำเร็จและอยากทำให้เขาภูมิใจที่เราเป็นไทยให้ได้ พวกเราทุกคนเชื่อว่าความเป็นไทยคือรากเหง้าของเรา เราอยากให้ความเป็นไทยเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก แต่ไม่ทำให้เป็นไทยได้ไงล่ะ

อยากให้พูดอะไรกับคนที่กำลังจะไปดูสักหน่อย

อยากให้ดูไม่ใช่ว่าเราทุ่มเทจึงต้องไปดู แต่อยากให้เห็นว่า สิ่งที่เราทุ่มเทไปมันทำให้คุณรู้สึกคุ้มค่าที่ได้ไปดู  เราเชื่อว่าเรื่องนี้น่าจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคุณได้

 

ที่มา:

บทสัมภาษณ์ ณัฐ ยศวัฒนานนท์  (7 มกราคม 2018) จาก akibatan

http://akibatan.com/2018/01/akibatan-interview-with-nat-yoswatananont-9-satra-creator/?utm_source=dlvr.it&utm_medium=facebook

Leave a Reply